12/12/07

อำลา คาร์ลไฮนซ์ สต็อคเฮาเซ่น

อำลา คาร์ลไฮนซ์ สต็อคเฮาเซ่น
Karlheinz Stockhausen
ปรมาจารย์ดนตรีแห่งศตวรรษที่ 20 เสียชีวิตแล้ว

แม้หูหางยังต่ำต้อย ไม่อาจอวดอ้างเป็นแฟนผลงานได้ถนัดปาก (นอกจากเคยสั่งซื้อหนังสือเข้าร้านดวงกมลเมื่อครั้งกระโน้น ก่อนต่อมาเอาไปฝากคุณ Bob Halliday) แต่อย่างไร ก็ขอบันทึกไว้ ณ ที่นี้ว่า คาร์ลไฮนซ์ สต็อคเฮาเซ่น - เกจิแห่งโลกดนตรีล้ำยุคชาวเยอรมัน ตายเสียแล้วด้วยอาการหัวใจวาย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา

อิทธิพลของ สต็อคเฮาเซ่น ต่อผลงานข้ามสายพันธุ์แนวคลาสสิก-อวองการ์ด ต้องนับเขาคนนี้เป็นหัวหลักสำคัญไม่แพ้ จอห์น เคจ (John Cage) เพราะกว่า 350 บทดนตรีที่ไม่เน้นท่วงทำนองของเขา สร้างอิทธิพลต่อศิลปินมากมายหลายหลาก ตั้งแต่ คลาสสิก (Igor Stravinsky, Franco Evangelesti, Andrej Dobrowolski, Glenn Gould) แจ๊ซ (Miles Davis, Herbie Hancock, Charles MIngus) ป๊อป-ร็อค (ตั้งแต่ Björk ยัน Roger Waters หัวกะทิของวงร็อค Pink Floyd, วง Kraftwerk และวง Sonic Youth เท่านั้นยังไม่หนำใจ สต็อคเฮาเซ่น ขอไปปรากฏหน้าในปกแผ่นเสียงชุด Sgt. Peppers Lonely Hearts Club Band ของวง The Beatles)

นอกจากนั้นชื่อของ สต็อคเฮาเซ่น ยังไปอาละวาดในงานวรรณกรรมด้วย เช่น ฟิลิป เค. ดิ๊ค (Philip K. Dick) นักเขียนแนวไซ-ไฟนามกระเดื่อง เคยเอ่ยถึงเขาในนิยายเรื่อง Flow My Tear, The Policeman Said หรือในงานการ์ตูนชื่อดัง Watchmen ของ Alan Moore นี่ยังไม่นับการเอ่ยถึงในงานเรื่อง Pinball ของ Jerzy Kosinski หรือ The Dead Father ของ Donald Barthelme รวมทั้งงาน The Crying of Lot 49 ของปรมาจารย์โพสต์โมเดิร์น Thomas Pynchon

In Absentia หนังแอนิเมชั่นของพี่น้องฝาแฝด Brothers Quay ก็เช่นกันที่ใช้ดนตรีของ สต็อคเฮาเซ่น ได้อย่างเหมาะสมที่สุด

วันนี้แม้ไม่อยู่ แต่ลูกศิษย์ลูกหาของเขาหลายคนทีเดียวที่กลายเป็นอาจารย์และนักดนตรีคนสำคัญ

No comments: