9/22/07

Mario Bava ปรมาจารย์หนังเกรดบีอิตาเลี่ยน ตอน 2

Mario Bava
ปรมาจารย์แห่งหนังเกรดบีอิตาเลี่ยน ตอน 2





16. Gunman Called Nebraska (1966)
ชายพเนจรที่เรียกตัวเองว่าเนบราสกา (Ken Clark) ได้ทำงานในไร่ของมาร์ธี ฮิลแมน (Alfonso Rojas) และเคย์ (Yvonne Bastien) ซึ่งเป็นภรรยาของมาร์ธี โดยทั้งสองกำลังต่อสู้กับบิล เจ้าของที่ดินผู้โหดร้ายที่พยายามขู่กรรโชกเอาเงินจากบรรดาชาวไร่ปศุสัตว์
เมื่อบิลต้องการตัวเคย์ เนบราสกาก็ตัดสินใจว่าเขาจะไม่อยู่นิ่งเฉยอีกต่อไป เขาตัดสินใจช่วยเหลือมาร์ธีจากบรรดาลูกสมุนของบิล และตัดสินใจช่วยเหลือเคย์

Antonio Roman ร่วมกำกับหนังคาวบอยอิตาลีเรื่องนี้

17. Knives of the Avenger หรือ Viking Massacre (1966) หรือ Bladestorm
ในอาณาจักไวกิ้งที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ของชนเผ่าต่างๆ กษัตริย์ฮารัลด์ (เจียโคโม รอสซี-สจ็วร์ต) หลงทางในทะเลและปล่อยให้ราชินีคาเรน (Elissa Pichelli) กับโมกี (Luciano Pollentin) ซึ่งเป็นโอรสของเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของนายพลฮาเกน (Fausto Tozzi) ผู้มีความทะเยอทะยานสูงและก่อสงครามมานานหลายสิบปี

คาเรนและโมกีหนีไปซ่อนตัวที่ชายหาด และทั้งสองได้รับความช่วยเหลือจากชายพเนจรที่มีชื่อจริงว่ารูริค (Cameron Mitchell) โดยรูริคนั้นเคยเป็นพันธมิตรกับฮาเกน แต่เขาแปรพักตร์เมื่อฮาเกนฆ่าครอบครัวของเขาตายเมื่อหลายปีก่อน


นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่บาวาสร้างหนังที่มีคุณภาพโดยใช้ต้นทุนต่ำมาก หนังเรื่องนี้ใช้ชายหาดที่ปรากฏในหนังของบาว่ามาแล้วบ่อยครั้ง, ใช้ภูมิประเทศที่เหมือนกับเหมืองหินในหนังเรื่องอื่นๆ ของบาวา หนังเรื่องนี้มีฉากที่ถ่ายในตัวอาคารเพียงไม่กี่ฉาก และมีอาคารไวกิ้งหลังหนึ่งปรากฏในหนังเป็นเวลาสั้นมากจนนักวิจารณ์คาดการณ์ว่า บาว่า คงหยิบยืมอาคารไวกิ้งนี้มาจากกองถ่ายหนังเรื่องอื่น

คาเมรอน มิทเซลล์ ซึ่งร่วมงานกับบาวามาแล้วหลายเรื่องรับบทที่คล้ายกับเฮนรี ฟอนดา ใน Once Upon a Time in the West ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นบทของผู้ชายที่กร้าวแกร่ง นอกจากนี้นักวิจารณ์ยังตั้งข้อสังเกตว่าหนังไวกิ้งเรื่องนี้ที่จริงแล้วคล้ายคลึงกับหนังคาวบอยเรื่อง Shane ซึ่งรวมถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างรูริคกับเมียและลูกของคนอื่น

รูริคมีความสามารถด้านการขว้างมือเป็นอย่างมาก ซึ่งยิ่งทำให้ตัวละครตัวนี้เหมือนหลุดออกมาจากหนังคาวบอยอิตาลีมากยิ่งขึ้น โดยเขาสามารถขว้างมีดได้ 2-3 เล่มในครั้งเดียวและพุ่งเข้าปักคนร้ายได้อย่างเหมาะเหม็ง ทั้งนี้ เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของหนังทุนต่ำเรื่องนี้ก็คือในหนังไม่มีกองทหาร, ไม่มีปราสาท, ไม่มีเรือ แต่มีเพียงม้าไม่กี่ตัวเท่านั้น

18. Four Times That Night (1969)
หนังเรื่องนี้เป็นการนำ Rashomon มาดัดแปลงใหม่ให้เป็นหนังเบาสมองปนเซ็กส์ตามสไตล์ทศวรรษ 1960 โดยมีจุดเด่นที่เทคนิคแพรวพราวด้านการถ่ายภาพตามแบบฉบับของมาริโอ บาว่า โดยเนื้อหาของหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันหนึ่งที่มีผู้เล่าออกมาไม่ตรงกัน 4 เวอร์ชั่น โดยหญิงคนหนึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ที่มีคนพยายามจะข่มขืนแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนฝ่ายชายก็เล่าว่าเขาถูกล่อลวง ทางด้านคนเฝ้าประตูกะกลางคืนกลับเล่าถึงเรื่องราวของคู่รักอีกคู่หนึ่ง และเรื่องของคู่รักเพศเดียวกัน ในขณะที่จิตแพทย์คนหนึ่งกลับมองเรื่องนี้ด้วยมุมมองที่ต่างออกไป


นักวิจารณ์ให้ความเห็นว่าผู้ชมขาประจำของบาว่าอาจไม่ชอบหนังเรื่องนี้เท่าใดนัก และคงต้องการให้มีคนบ้ามาใช้ขวานไล่ฆ่าตัวละครในเรื่องให้ตายให้หมดซะมากกว่า อย่างไรก็ดีจุดดีของหนังเรื่องนี้คือการแสดงของ Pascale Petit ซึ่งเคยเป็นดาราที่งดงามเมื่อ 10 ปีก่อน แต่หนังเรื่องนี้คือบทบาทการแสดงครั้งสุดท้ายของเธอ และเธอก็ทำได้อย่างน่าประทับใจมาก

ดารานำได้แก่ Daniela Giordano, Brett Halsey, Dick Randall, Michael Hinz และ Brigitte Skay

19. Roy Colt and Winchester Jack (1970)


Brett Halsey รับบทเป็น Roy Colt ในขณะที่ Charles Southwood รับบทเป็น Winchester Jack ทั้งสองเป็นบุคคลนอกกฎหมายที่แข่งขันกับอีกคนหนึ่งเพื่อแย่งชิงแผนที่ขุมทรัพย์ที่จะนำไปพบกับทองคำที่ถูกฝังไว้ โดยหนึ่งในสองคนนี้ร่วมมือกับเจ้าพ่ออาชญากรที่เคยเป็นพระซาดิสท์มาก่อน ในขณะที่สาวอินเดียนแดงคนหนึ่งช่วยเหลือชายหนุ่มทั้งสอง และพยายามปั่นหัวให้ทั้งสองทะเลาะกัน

20. Hatchet for the Honeymoon (1970)
หนังเรื่องนี้เขียนบท, กำกับ, และถ่ายภาพโดยบาว่า และมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายที่ไร้สมรรถภาพทางเพศผู้ระบายความอัดอั้นตันใจด้วยการฆาตกรรม ตัวเอกของเรื่องคือดีไซเนอร์และเจ้าของธุรกิจออกแบบแฟชั่น (สตีเฟน ฟอร์ไซธ์) ที่ฆ่านางแบบของห้องเสื้อของตัวเอง และเมื่อเขาตัดสินใจฆ่าภรรยาของเขา เธอก็กลายมาเป็นผีหลอกหลอนเขา

หนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญที่มีสไตล์ฉูดฉาดตามแบบฉบับของบาว่า และถือว่าเป็นหนังสยองขวัญที่มีมาตรฐานสูงกว่าหนังสยองขวัญทั่วไป

21. Five Dolls for an August Moon (1970)
นำแสดงโดย William Berger, Edwige Fenech, Renato Rossini
หนังเรื่องนี้เป็นหนังทริลเลอร์ทั่วไป และดูเหมือนว่าใจจริงแล้วบาว่าไม่ต้องการกำกับเรื่องนี้ แต่จำเป็นต้องทำงานตามสัญญาที่ทำไว้ หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีพล็อตคล้ายคลึงกับบทประพันธ์ Ten Little Indians หรือ And
Then There Were None ของอกาธา คริสตี้ โดยในเรื่องนี้นักลงทุนกลุ่มหนึ่งได้เดินทางไปที่เกาะแห่งหนึ่ง และพวกเขาก็ถูกฆ่าตายไปทีละคนๆ


หนังเรื่องนี้ถ่ายภาพชายหาดได้อย่างงดงาม และมีภาพของศพที่ห้อยอยู่ในห้องเก็บเนื้อ ซึ่งเป็นภาพที่มีการจัดองค์ประกอบได้อย่างดีมาก จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือสไตล์การถ่ายภาพและการออกแบบงานสร้าง แต่จุดด้อยก็คือพล็อตที่ซ้ำซาก

22. Baron Blood (1972)
อ่านบทวิจารณ์ที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้ได้ที่ http://www.kinoeye.org/02/18/laccino18.php
ปีเตอร์ วอน ไคลส์ท นักศึกษาปริญญาโทจากสหรัฐค้นพบว่าครอบครัวของเขามีสายสัมพันธ์กับตระกูลที่บ้าเลือดที่สุดตระกูลหนึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในออสเตรีย ปีเตอร์สนใจในต้นตระกูลของเขา ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปออสเตรียและได้รับการต้อนรับจากคาร์ล ฮุมเมล ซึ่งเป็นคุณลุง คาร์ลบอกกับปีเตอร์ว่าบรรพบุรุษของเขาคือบารอน ออตโตแวน ไคลส์ท โดยออตโตนั้นเป็นเจ้าของปราสาทโกธิคหลังหนึ่งที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทรมาน

ปราสาทแห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว และคาร์ลก็แนะนำให้ปีเตอร์รู้จักกับอีวา อาร์โนลด์ ผู้เก็บบันทึกรายการทรัพย์สมบัติของแวน ไคลส์ท และรู้จักกับฟริทซ์ ผู้ชายตัวเล็กท่าทางปัญญาอ่อนที่ดูแลปราสาท หลังจากนั้นปีเตอร์กับอีวาก็เดินทางไปกินข้าวเย็นที่บ้านของคาร์ล

คาร์ลเล่าให้ปีเตอร์ฟังถึงสิ่งที่บารอน ออตโตเคยทำไว้ โดยเขาเคยก่อกรรมทำเข็ญไว้มากจนกระทั่งชาวบ้านเรียกเขาว่าบารอน บลัด เขาเคยจับคนที่เป็นศัตรูเขามาฆ่าตายและเสียบประจานไว้บนกำแพงปราสาท แต่ต่อมาบารอนก็ได้เจอกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งก็คือแม่มดชื่ออลิซาเบธ ฮอลลี โดยบารอนนำแม่มดคนนี้ไปเผาไฟ แต่ก่อนตายเธอได้สาปแช่งเขา โดยเธอแช่งให้เขาตายอย่างทุกข์ทรมานเท่ากับจำนวนคนที่เขาฆ่า และเธอก็ได้สาปให้บารอนสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกเพื่อที่เขาจะได้ถูกทรมานมากยิ่งขึ้น โดยคำสาปของการฟื้นคืนชีพนี้บรรจุอยู่ในม้วนเอกสารโบราณชุดหนึ่งที่อยู่ในความครอบครองของครอบครัวของปีเตอร์ และปีเตอร์ก็นำมันติดตัวมาด้วย

ปีเตอร์กับอีวาไปที่ปราสาทของบารอนและท่องคำสวดฟื้นคืนชีพในม้วนเอกสารโบราณชิ้นนั้นเพื่อความสนุกสนาน ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มตระหนักว่าเรื่องพวกนี้อาจเป็นเรื่องจริง ในที่สุดบารอน บลัดก็ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงๆ และเริ่มออกฆ่าคนอีกครั้ง

23. The Devil in the House of Exorcism (1975)
หนังเรื่องนี้เคยใช้ชื่อว่า House of Exorcism โดยในเรื่องนี้แอลเฟรด ลีโอเน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้าง ได้นำฟุตเตจจากหนังเรื่อง Lisa and the Devil, ฟุตเตจที่ถ่ายโดยบาวา และฟุตเตจที่ถ่ายโดยลีโอเนเองมายำเข้าด้วยกัน ในขณะที่ตัวหนังนั้นก็ลอกเลียนมาจาก The Exorcist

ดารานำคือ Elke Sommer, Robert Alda และ Telly Savalas


24. Beyond the Door 2 (1979) หรือ Shock
หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมว่าดีกว่าภาคแรกมาก โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกพลังอำนาจของนรกเข้าสิงและผู้คนหลายคนก็ต้องจบชีวิตเพราะเรื่องนี้
นำแสดงโดย Daria Nicolodi, John Steiner, David Colin Jr.


ส่วน Beyond the Door (1974) ภาคแรกนั้นเป็นภาพยนตร์ที่ลอกเลียนมาจาก The Exorcist โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิง (จูเลียต มิลส์) ที่ถูกผีสิง โดยมี Richard Johnson กับ David Colin Jr. ร่วมแสดงและกำกับโดย Oliver Hellman หรือ Ovidio Assonitis

Beyond the Door 3 มีเนื้อหาเกี่ยวกับนักศึกษามหาลัยคนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อของเจ้าชายแห่งรัตติกาล โดยหนังเรื่องนี้มีสเปเซียล เอฟเฟคท์ที่น่าขันมาก หนังเป็นผลงานการกำกับของ Jeff Kwitny และนำแสดงโดย Mary Kohnert

25. The Venus of Ille (1981)
กำกับร่วมกับ Lamberto Bava (ลูกชาย บาว่า)


Mr.De Peyhorrade (Mario Maranzana) เศรษฐีเจ้าของที่ดินผู้มั่งคั่ง ได้ค้นพบรูปปั้นบรอนซ์รูปวีนัสในที่ดินของเขา หลังจากนั้นเขาก็ได้ขอให้แมทธิว (มาร์ค โพเรล) ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณจากอีกหมู่บ้านหนึ่งมาสำรวจรูปปั้นนี้และยืนยันราคาของมัน แต่เมื่อแมทธิวเดินทางมาถึงเขาก็ลุ่มหลงในคลารา (ดาเรีย นิโคโลดี) ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ของ Mr.De Peyhorrade และเป็นคนที่มีลักษณะคล้ายกับรูปปั้นนั้นจนน่าขนลุก


อ่าน Mario Bava ตอน 1 ได้ที่: http://twilightvirus.blogspot.com/2007/09/mario-bava-1.html

1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆน่ะครับ
เปิดโลกทัศน์ภาพยนต์สยองขวัญของผมได้ไกลเลยครับ

ผมอยากอ่านเรื่องของลุงดาริโอ อาเจนโต อ่ะครับ กำลังจะหาหนังของเค้ามาศึกษาด้วย

ดูเทรลเลอร์ในยูทูบแล้วมันใช่อ่ะ องค์ประกอบในหนังมันตรงกับจริต ผมเลย


ผมจะลองหาซื้อฟิลม์ไวรัส ฉบับที่ 4 ดูน่ะครับ