3/24/11

รสหญิงปรุงแกงเผ็ด

นี่เพิ่งไปดูละคร “รสแกง” (Taste of Curry) ของ จารุนันท์ พันธชาติ ที่ เดโมเครซี่ เธียร์เตอร์ มา 2 รอบ รอบสองดูกับ 4 หนุ่มนักทำหนังโดมิโน่ฟิล์ม และพี่ สมเกียรติ์ วิทุรานิช (October Sonata) เยี่ยมยอดตามมาตรฐาน บี-ฟลอร์อีกเช่นเคย และคราวนี้ได้ดูกลุ่มนี้แสดงในลีลาเบาสบายแปลกตา เสียดายถ้าคนมีความสามารถแบบชาวคณะละคร บี-ฟลอร์ จะไม่ได้มีโอกาสเป็นที่รู้จักของคนดูละครเวที-ละครทีวี-หนังจอเงิน ให้มากกว่านี้อีก โดยเฉพาะกับนักแสดงแบบ ดุจดาว วัฒนปกรณ์ และ อรอนงค์ ไทยศรีวงศ์ ต่อให้ใครบอกว่า สินจัย เยี่ยมยอดเท่าไรก็เหอะ แต่ถ้ามีคนไทยคนไหนทำหนังเน้นการแสดงขั้นเทพของ John Cassavetes ล่ะก็ 2 สาวไทยนี่เท่านั้นที่จะรับมือไหว เรื่องพลังการแสดงเข้ม ๆ นั้นหายห่วง ดุจดาว คงจะเล่นบทเจ้าแม่ไฟแรงสูงประมาณ Isabelle Huppert หรือ Isabelle Adjani ของฝรั่งเศส (หรือ Margit Christensen, Sabine Timoteo ของเยอรมัน) และถ้าประกบ กับ และ อรอนงค์ ในบทหักขั้วเฉือนคมหญิงแบบ The Bitter Tears of Petra Von Kant (ซึ่ง จุ๋ม สุมณฑา สวนผลรัตน์ เคยแสดง) ก็คงแม่นมั่น 

ว่าไปแล้วน่ามีใครนำ 3 สาวนี่มาเล่นหนังโดยเอามาเล่นเป็นพี่น้องแบบ Three Sisters ของ Chekhov (เคยดูฉบับหนังปี 88 ชื่อ Love and Fear ของ มาเกอเร็ตเต้ ฟอน ทร็อตต้า ที่ Fanny Ardant, Valeria Golino กับ Greta Scacchi แสดงเป็น 3 ใบเถา)

อยากให้มีคนนำความ intimate ของหนังมารวมกับการแสดงขั้นเทพของคนละครเวที (ยังไม่เคยมีหนังแบบนี้เลยนี่นะ) ต้องคิดเขียนบทให้สาว ๆ พวกนี้ได้แสดง เป็นเรื่องแบบวงชีวิตผู้หญิงจริง ๆ ไม่ต้องมีตัวแสดงชายเลยก็ได้ในเรื่อง พระเอกจำเป็นเหรอ ชีวิตพระเอกผู้ชายก็มีในหนังทั่วไปมากอยู่แล้ว คอนเสิร์ตบอยแบนด์ อคาเดมี่ก็ดูไปสิ โปสเตอร์หนังก็ขายแต่หนุ่ม ๆ หรือ แมน ๆ ขายได้จนแก่ บรูซ วิลลิส, คลิ้นท์ อีสต์วู้ด น่าเบื่อจริง ๆ แล้วผู้หญิงแท้กับหญิงรักหญิงก็ต้องดูหนังแอ็คชั่นตามแฟน ชิมิ ชิมิ

ไม่ต้องกลัวเรื่องการแสดงใหญ่ของคนละคร เพราะคนแสดงเขามีเซ้นส์ สามารถเพิ่ม-ลดให้เล็กลงได้ อยากให้หนังของพี่ สมเกียรติ์ เป็นจริง เผื่อจะได้เชิญ ดุจดาว มาเล่น

3 comments:

Filmvirus said...

พอดีกำลังอ่านเรื่องสั้น Too Much Happiness ของ Alice Munro (อลิซ มุนโร) เล่มใหม่อยู่ ทึ่งกับการใช้ภาษาและตัวละครที่มีมิติอย่างมาก ๆ สงสัยมานานแล้ว หายากมากที่คนเขียนเรื่องสั้นจะใช้คำและนัยยะได้คุ้มค่ามาก ๆ เธอแปลกกว่าคนอื่นตรงที่เรื่องสั้นของเธอมีรายละเอียดมาก จนเรื่องสั้นของเธอเทียบได้กับนิยายของคนอื่น เทียบจำนวนคำของเธอมันคุ้มค่ากว่าเบสต์เซลเลอร์สที่ร่ายยาวทั้งหลาย

น่าเสียดายคนทำหนังที่ทุ่มเวลาไปกับเทคนิควิธีการเล่าเรื่องแบบแปลก ๆ แต่ไม่สนใจการทำงานกับคน ใบหน้าคนและชีวิตธรรมดาแบบคนคนนี่ล่ะที่คนทำหนังควรจะใส่ใจ faces and gestures แล้วถ้าจับความเป็นหนึ่งนิดชิดใกล้ intimacy ของหนังออกมา รวมกับชั้นเชิงเฉพาะแบบ space กับ time บวกกับลักษณะ interactive แบบ anything goes โกลาหล อลหม่านบางอย่างจากละครเวทีแล้ว เราจะได้หนังยอดเยี่ยมขนาดไหน

Unknown said...

ขอบคุณค่ะพี่
ปีนี้ตั้งใจจะเอากล้องมาถ่ายหนังบ้างเหมือนกัน หวังว่าจะเป็นเรื่องน่าสนุก

^ ^
จาเองค่ะ

Filmvirus said...

ต้องขอบคุณ น้องจา ต่างหากที่ทำละครสนุก ๆ ให้ดูกัน เราคนทำหนังยังมีต้องให้เรียนรู้อีกมาก

ขอบคุณนะที่เปิดโรงเรีัยนให้เราบ่อย ๆ หวังว่าจา คงถ่ายหนังสนุกจริง ๆ ไว้จะชวนทีมจาไปเล่นบ้างได้ไหม