
รูปนี้เป็นภาพป้อมปราการ
Arg-é Bam (ارگ بم หรือ Bam Citadel
http://en.wikipedia.org/wiki/Arg-e_Bam ที่เมือง Bam ในอิหร่านซึ่งเก่าแก่กว่า 2,000 ปี และเคยเป็นศูนย์กลางการค้าขาย silk road และเป็นเส้นทางสำคัญของการแสวงบุญแล้วตอนหลังใช้เป็นคลังแสงของทหาร ก่อนถูกทอดทิ้งไว้เปล่า ๆ
ประมาณ 30 ปีก่อนที่มันจะโดนแผ่นดินไหวหนักเสียพังทลายในปี 2003 (จนต้องบูรณะใหม่) มันเคยถูกใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายหนังปี 1976 เรื่อง
The Desert of the Tartars ของผู้กำกับที่ถูกหลงลืมอย่าง Valerio Zurlini
http://www.imdb.com/title/tt0074400/ ที่รวมดาวดารายุโรปอย่าง Max von Sydow, Philippe Noiret, Jean-Louis Trintignant, Vittorio Gassman, Guiliano Gemma, Francisco Arabal, Fernando Ray, Helmut Greim และ Jacques Perrin ที่เป็นทั้งพระเอกหล่อเหลาและโปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้ (คนดูหนังรุ่นใหม่อาจคุ้นหน้าจากบทอาจารย์ที่น้องสาวคนเล็กแอบมีสัมพันธ์ Hell ของ Danis Tanovic จากบทของ Kieslowski)

ดนตรีประกอบของ Ennio Morricone ที่มีเสียงปืนทหารก็ฟังดูหลอนดี พล็อตเรื่องมีส่วนคล้าย The Castle ของ Franz Kafka คือคนที่รอคอยอะไรสักอย่างแล้วมันมาไม่ถึงเสียที (ในกรณีนี้คือทหารที่วัน ๆ เฝ้าป้อมปราการรอวันจะรบ แต่ศัตรูก็ไม่ยักมา หรือเป็นเพียงภาพหลอกตา) แต่บรรยากาศในปราสาทชวนนึกถึงหนังของ Brothers Quay เรื่อง Institute Benjamenta (สร้างจากนิยายของ Robert Walser ต้นทางของ Kafka อีกที – อ้างถึงใน Bookvirus 01) ที่มีโรงเรียนสอนวิชาอะไรก็ไม่รู้ เรียนไปทำไมก็ไม่บอก แล้วตัวเอกไปหลงรักกับครูผู้หญิงหรือนายของบ้าน มันมีบรรยากาศของความสนเท่ห์ต่อเผด็จการหรืออำนาจทหารอยู่ในนิยายสองเรื่องนี้ แต่บรรยากาศของสถานที่ที่กำลังล่มจมรอวันวินาศ และประเด็นคุณนายของบ้านที่กำลังสลายตัวทีละน้อย อาจจุดประกายมาจากเรื่องสั้นของ เอ็ดการ์ อลัน โปเรื่อง The Fall of the House of Usher อีกที (แนะนำควรหาอ่านฉบับแปลที่อ้างถึงใน Bookvirus 01 และดูหนังฉบับ โรเจอร์ คอร์แมน และฉบับฝรั่งเศสของ Jean Epstein (ถ้าใครชอบ Vampyr แนวกวีแบบ Carl Dreyer)
นอกจากนั้นพล็อตที่ทหารเฝ้าค่ายเปล่า ๆ ปลี้ ชวนให้นึกถึงทหารเฝ้าเกาะใน Mediterraneo ที่ได้รางวัลออสการ์ หรือหนัง Werner Herzog เรื่องแรก Signs of Life แต่แน่นอนว่า ทั้ง The Desert of the Tartars และเรื่องอื่น ๆ ที่อ้างมา อารมณ์ต่างกันมากมายนัก
The Desert of the Tartars สร้างจากนิยายคลาสสิกเรื่อง The Tartar Steppe (ปี 1940) ของ
Dino Buzzati นักเขียนชาวอิตาลี่ที่มีฝีมือทางการวาดรูปและเขียนหนังสือการ์ตูนด้วย นิยายเล่มนี้เป็นเล่มที่สร้างชื่อให้เขามากที่สุดและถูกเปรียบเทียบกับบทความ Existentialist อันเลื่องลือของ
Albert Camus ชิ้นที่ชื่อ The Myth of Sisyphus เพียงแต่ของ Camus เขียนทีหลัง 2 ปี และ อัลแบร์ต กามูส์ ก็เคยดัดแปลงบทละครของ Buzzati เรื่อง Un caso clinico เอาไปทำเป็นละครเวทีด้วย

หลังปีใหม่ ทิ้งท้ายการดูหนังด้วยการดูหนัง
ฝันโคตร ๆ , My Mighty Princess, Moon, Cyborg Girl, Factory, Revanche และ
Children of the Dark (2008) เรื่องหลังนี่เคยพูดถึงไปบ้างแล้ว
http://twilightvirus.blogspot.com/2009/02/junji-sakamoto.html เพราะเป็นหนังของ Junji Sakamoto ที่สร้างเรื่อง
Bokunchi (My House) ซึ่งข้าน้อยเอง เคยเขียนชื่นชมมากในหนังสือ
151 Cinema ตัวหนังอื้อฉาวเกี่ยวกับโสเภณีเด็กและการขายอวัยวะเด็กไทยให้ญี่ปุ่น (ที่ถูกแบนใน Bangkok Film Festival ที่เมืองไทยจนคนญี่ปุ่นได้ข่าวแล้วรีบขยายโรงเพิ่มที่ญี่ปุ่นให้คนบ้านเขาแห่ไปดู) ตัวหนังอาจจะดูลักลั่นเสียฟอร์ม ซากาโมโต้ไปหน่อย ตอนจบก็ไม่น่าเชื่อถือด้วย แต่ก็ได้เห็นแก๊งพี่น้องซีรี่ส์ข้าวห่อไข่สองคน คนพี่ Yosuke Eguchi พูดไทยฟังไม่รู้เรื่องเลย แถมบทพูดไทยเยอะมาก คนน้อง Satoshi Tsumabuki (Nada sô sô) รวมทั้ง Aoi Miyazaki (Eureka) และดาราไทยอย่าง
ไปรมา รัชตะ และ
สุนทรีย์ ใหม่ละออ (คนหลังนี้แสดงเวอร์ซะ) และที่คุ้นหน้าอีกมากมาย ที่เห็นหน้าก็ขำแล้วคือซูโม่ตุ๋ยในบทหมอผ่าตัด (ชวนเชื่อไหมอะ)