
ข่าวจากพี่แป๊ดว่า วรรณกรรมแปลคลาสสิกของคุณ นพดล เวชสวัสดิ์ เรื่อง มาสเตอร์กับมาร์การิตา พิมพ์เสร็จแล้ว ตอนนมีขายที่บูทระหว่างบรรทัด
คนแต่งเล่าเรื่องตอนที่พระเยซูจะถูกตรึงกางเขน สลับกับเหตุการณ์ปัจจุบัน (สมัยนั้น) ที่มีตัวละครแปลก ๆ อย่าง แมวดำร่างยักษ์สูบซิก้าร์โผล่เข้ามาในเมือง ทำให้เกิดปริศนาลึกลับ
ข้างล่างอ้างจาก ประวัติคนเขียน Mikhail Bulgakov ในหนังสือ BookVirus 01 - หนังวรรณกรรม ของ สนธยา ทรัพย์เย็น
B = Bulgakov
มิคาอิล บัลกาคอฟ
The Master and Margarita (Maestro I Margarita) (Majstor I Magarita)
ยูโกสลาเวีย/อิตาลี่, 1972, 100 นาที
Aleksander Petrovic กำกับ
ผู้กำกับเขียนบทร่วมกับ Barbara Alberti, Amedeo Pagani จากนิยายชื่อเดียวกันของ Mikhail Bulgakovละครเรื่อง ปอนตุส ปิลาต กำลังเตรียมซ้อมใหญ่ที่โรงละครแห่งหนึ่งในมอสโคว์ แต่เจ้าของโรงละครพยายามเกลี้ยกล่อมให้นักเขียนบทละครหนุ่ม นิโคไล มาคซูดอฟ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘เดอะ มาสเตอร์’ ยกเลิกละครของเขาเสีย นั่นย่อมไม่ง่ายเลย เพราะ เดอะมาสเตอร์ นั้นมีเสียงสนับสนุนแสนสวยคือ มาการิตต้า แฟนของเขาและท่านศาสตราจารย์ โวลันด์
นิยายคลาสสิกเรื่องนี้เป็นงานเล่มสำคัญของนักเขียนชาวรัสเซีย มิคาอิล บัลกาคอฟ (1891-1940) ผู้เคยมีผลงานนิยายเรื่องแรก The White Guard มาตั้งแต่ทศวรรษ 20 แล้ว แต่เขาไม่เคยประสบความสำเร็จมากมายเหมือนนักเขียนดังคนอื่น ๆ เพราะรัฐบาลโซเวียตมักสั่งแบนละครและหนังสือของเขาบ่อย ๆ จนกระทั่งมีการพิมพ์ครึ่งแรกของเรื่อง The Master and Margarita ทยอยลงนิตยสารรายเดือนชื่อ Moskva เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1966 โลกจึงรู้ว่านักเขียนผู้นี้ซ่อนผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นหนึ่งเอาไว้มาเกือบ 30 ปีนับตั้งแต่เขาตายในปี 1940
บัลกาคอฟ รู้มาตลอดว่านิยายเรื่องนี้ของเขาไม่มีวันจะได้พิมพ์ในยุคของสตาลิน แต่เขาก็เฝ้าอุตส่าห์เขียน แก้ไข ปรับปรุงงานนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อนักอ่านที่เขาจะไม่มีวันได้เห็นหน้า อีกทั้งเผาต้นฉบับไปครั้งหนึ่งด้วยความท้อแท้ก็ยังเคย กว่าจะถึงวันที่งานตลกร้ายในสไตล์เหนือจริงเรื่องนี้ได้กลายเป็นงานครองใจให้นักอ่านเล่าขานกันไม่รู้จบ
ผู้กำกับชาวยูโกสลาเวีย อเล็คซานเดอร์ เพโตรวิค เคยทำเรื่อง I Even Met Happy Gypsies (1967) ที่ประสบความสำเร็จได้แชร์รางวัล Special Jury Prize ที่เมืองคานส์ หนังเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของชาวยิปซีเรื่องนี้ส่อแววการผสมเรื่องแนวสมจริงเข้ากับฉากแฟนตาซีไว้แล้ว ก่อนนำเขามาสู่ It Rains in My Village (1969) และ The Master and Margarita ที่รับแรงบันดาลใจจากหนังสือของนักเขียนใหญ่ชาวรัสเซีย 2 คน คือ ฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี้ (เรื่อง The Possessed) และ มิคาอิล บัลกาคอฟ ตามลำดับ โดย เพโตรวิค นั้นรู้ดีว่าการทำหนังจากงานระดับช้างเช่นนี้เป็นเรื่องยากมาก เขาจึงเลี่ยงหยิบเพียงตัวละครและสถานการณ์บางส่วนในหนังสือของ บัลกาคอฟ มาดัดแปลง
ตัวเรื่องเดิมของ บัลกาคอฟ เล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างเมืองมอสโคว์กับเมืองเยรูซาเล็มในศตวรรษที่ 1 เรื่องเริ่มที่มอสโคว์ด้วยการปรากฏกายของซาตานตนหนึ่งในคราบของชาวต่างชาติ โดยมีคู่หูเป็นมือสังหารที่ไว้หนวดขนไก่แถมใส่แว่นตาที่เสียแล้ว กับแมวดำพูดได้ตัวหนึ่งซึ่งชอบเล่นหมากรุกและดื่มว้อดก้า ทั้งสามก่อกวนประชาชนทั่วทั้งเมืองจนอลหม่านไปทั่ว แต่เหตุผลหลักในการมาเยือนของพวกเขาอยู่ที่ตัว เดอะ มาสเตอร์ นักเขียนหนุ่มที่เขียนนิยายเกี่ยวกับ ปอนตุส ปิลาต (ข้าหลวงโรมันที่ปฏิเสธไม่ตัดสินการสอบสวนพระเยซู) แต่ผลงานไม่ทันได้พิมพ์ก็ไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้าเสียแล้ว โชคดีที่ มาการิต้า แฟนสาวผู้จงรักภักดีของเขามานั่งอ่านต้นฉบับหนังสือให้เขาฟัง เธอยอมทำทุกอย่างให้คนรัก แม้แต่การรับเป็นเจ้าภาพให้กับงานเลี้ยงของพวกปีศาจ
นี่เพิ่งไปดูละคร “รสแกง” (Taste of Curry) ของ จารุนันท์ พันธชาติ ที่ เดโมเครซี่ เธียร์เตอร์ มา 2 รอบ รอบสองดูกับ 4 หนุ่มนักทำหนังโดมิโน่ฟิล์ม และพี่ สมเกียรติ์ วิทุรานิช (October Sonata) เยี่ยมยอดตามมาตรฐาน บี-ฟลอร์อีกเช่นเคย และคราวนี้ได้ดูกลุ่มนี้แสดงในลีลาเบาสบายแปลกตา เสียดายถ้าคนมีความสามารถแบบชาวคณะละคร บี-ฟลอร์ จะไม่ได้มีโอกาสเป็นที่รู้จักของคนดูละครเวที-ละครทีวี-หนังจอเงิน ให้มากกว่านี้อีก โดยเฉพาะกับนักแสดงแบบ ดุจดาว วัฒนปกรณ์ และ อรอนงค์ ไทยศรีวงศ์ ต่อให้ใครบอกว่า สินจัย เยี่ยมยอดเท่าไรก็เหอะ แต่ถ้ามีคนไทยคนไหนทำหนังเน้นการแสดงขั้นเทพของ John Cassavetes ล่ะก็ 2 สาวไทยนี่เท่านั้นที่จะรับมือไหว เรื่องพลังการแสดงเข้ม ๆ นั้นหายห่วง ดุจดาว คงจะเล่นบทเจ้าแม่ไฟแรงสูงประมาณ Isabelle Huppert หรือ Isabelle Adjani ของฝรั่งเศส (หรือ Margit Christensen, Sabine Timoteo ของเยอรมัน) และถ้าประกบ กับ และ อรอนงค์ ในบทหักขั้วเฉือนคมหญิงแบบ The Bitter Tears of Petra Von Kant (ซึ่ง จุ๋ม สุมณฑา สวนผลรัตน์ เคยแสดง) ก็คงแม่นมั่น
ว่าไปแล้วน่ามีใครนำ 3 สาวนี่มาเล่นหนังโดยเอามาเล่นเป็นพี่น้องแบบ Three Sisters ของ Chekhov (เคยดูฉบับหนังปี 88 ชื่อ Love and Fear ของ มาเกอเร็ตเต้ ฟอน ทร็อตต้า ที่ Fanny Ardant, Valeria Golino กับ Greta Scacchi แสดงเป็น 3 ใบเถา)
แม้จะไม่มีความตั้งใจจะให้กำเนิด ฟิล์มไวรัส เล่มใหม่ในเวลาอันใกล้ แต่แล้วก็เกิด ฟิล์มไวรัส ฉบับพิเศษนี้ ฉบับอนุทินรัก แอร์ฤกค์ โรห์แมร์ – อำลาการจากไปของผู้กำกับอารมณ์ละเมียดซึ่งทำหนังละเอียดอ่อนลึกซึ้งอย่างที่หาตัวจับยากที่ในโลกนี้มีเพียงน้อยคน
ซิเซโด้ เครื่องสำอางที่ยิ่งใหญ่และแพร่หลายที่สุดในญี่ปุ่น และภาคตะวันออกไกล อภินันทนาการของขวัญล้ำค่าราคาแพง ชุดครีมแต่งหน้า 3 ใบเถา ราคา 30 บาท แจกฟรีให้กับท่านสุภาพสตรีที่เข้าชมภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก (เฉพาะที่นั่งชั้นบน) มีจำนวนจำกัดเพียง 3,000 ชิ้นเท่านั้น
โครงการหนังฟิล์มไวรัส
สมัยยุค 80 และ 90 Emir Kusturica ถือเป็น อภิชาติพงศ์ หรือคนทำหนังเบอร์หนึ่ง นอกจากเบิ้ลรางวัลปาล์มทอง 2 ครั้ง ยังเต็งหนึ่งบนเวทีเวนิสและเบอร์ลินอีกด้วย 
FilmVirus Shorts: Wildtype 2011 Screenings
การแสดงที่เชิญชวนให้ผู้ชมร่วมแลกเปลี่ยนความรู้สึกและทัศนคติต่อชีวิต ผ่านการประกอบอาหาร เรื่องเล่า และการเต้นรำร่วมสมัย ชีวิตมีรสชาติอย่างไร เปรี้ยว หวาน มัน เค็มแค่ไหน มาชิมกัน